ประสบการณ์จากการทำงาน

จากการทำงานในวงการดนตรีมายาวนาน ทำให้ผมได้พบเจอทั้งแง่มุมที่ดีๆและแย่ๆผ่านเข้ามาในชีวิตอย่างมากมายแต่มันก็มีประโยชน์ หากเราจะนำมาเป็นข้อคิดเตือนจิตเตือนใจ เพราะการเรียนรู้จากชีวิตจริงมันเป็นสิ่งที่ดีและมีค่ามากกว่าตำราที่เขียนขึ้นมาโดยการนั่งเทียนวิเคราะห์ ผมจะนำทั้งแง่มุมที่ดีๆและแง่มุมที่แย่ๆจากการทำงานดนตรีมาเล่าให้ทุกท่านได้อ่านกันนะครับ

แง่มุมดีๆที่ได้จากการงานดนตรี

ความจริงผมมีเรื่องที่พอจำได้อยากเล่าให้อ่านอยู่มากเลยล่ะครับ แต่เลือกเอาเฉพาะอันที่คิดว่าดีและประทับใจที่สุดมาเล่าให้ฟัง มาอ่านกันเลยดีกว่า

เด็กติดยาหันมาเอาดีทางดนตรี

ผมเคยมีลูกศิษคนหนึ่งที่ติดยาเสพติด ได้รู้จักกันโดยบังเอิญเพราะไปแสดงดนตรีในชุมชนแห่งหนึ่ง ผมสมมุติว่าชื่อเอก็แล้วกันเพราะไม่อยากให้รู่ว่าเป็นใคร ตอนนี้เอเป็นนักดนตรีอาชีพมาเป็นสิบๆปีปลายๆแล้ว ตอนที่รู้จักกันใหม่ๆก็ไม่รู้ว่าเขาติดยา แต่ดูทรงแล้วก็เหมือนพวกขี้ยารู้สึกหวั่นใจอยู่ลึกๆ เพราะลักษณ์ทางกายภาพของคนติดยาจะดูได้ไม่ยาก ตอนหลังมารู้จากคนรอบตัวเอบอกว่าเขาติดยาขอให้ผมช่วยทำให้เขาเลิกยาด้วยคิดว่าเอาบุญก็แล้วกัน เพราะทำมาทุกวิถีทางแล้วแต่ก็ไม่ได้ผล ตอนแรกก็ไม่คิดเหมือนกันว่าผมจะทำได้ เพราะการทำให้คนเลิกเสพยาเป็นเรื่องที่ยากเย็นที่สุด น้อยคนที่ติดยาแล้วจะเลิกได้ ต้องเสพมันไปเรื่อยๆทำลายชีวิตของตัวเองไปจนตาย

ตอนที่เอเดินเข้ามาหาผมสิ่งหนึ่งที่เขามีคือรักในศิลปทางดนตรี อยากเล่นดนตรี อยากเป็นนักดนตรี อันนี้เป็นสิ่งที่ทำให้ผมพอมองเห็นช่องทางที่จะดึงเขาออกมาจากยาเสพติดได้ ผมเริ่มจากการสอนให้เอเล่นเปียโน ระยะแรกๆก็มาแบบปกติไม่ได้เสพยามา แต่ผ่านไปสักพักเริ่มมีการเสพยามาก่อนเข้าเรียน ผมต้องหาวิธีการแก้ไข ผมจะไม่คุยกับเขาตอนเมาใช้วิธีไปที่บ้านของเขาคุยกันตรงๆขอให้เลิกเสพยา หากว่าเสพยาผมจะไม่สอนดนตรีให้อีก

ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์เต็มๆที่เอไม่ได้เสพยามาก่อนเข้าเรียน ผมดีใจคิดว่าการพูดคุยจะได้ผลแต่มันไม่เป็นอย่างนั้น แม่เอมาหาผมบอกว่าเอยังไม่เลิกเสพยา ตอนนี้เขาเสพยาหลังจากเลิกเรียนดนตรีกลับมา ทำให้ผมต้องหาวิธีการใหม่

วันต่อมาเอมาหาผมเพื่อซ้อมเปียโนตามปกติ คราวนี้ผมใช้วิธีหักดิบคือไล่เขากลับบ้านและบอกว่าจะไม่สอนดนตรีให้อีก ถ้าไม่เลิกยาก็ตัดขาดความเป็นอาจารย์ศิษย์กัน ไม่ต้องมาให้เห็นหน้าอีก สิ่งที่ผมพูดมันออกมาจากใจจริง เพราะผมคิดว่าคงไม่มีทางทำให้เอเลิกยาได้แน่ๆ เขารับปากว่าจะเลิกยาอย่างเด็ดขาดขอโอกาสให้ได้แก้ตัวอีกครั้ง แต่ผมยังเสียงแข็งไล่เอกลับบ้านไป

เอยังคงเข้ามาหาผมยืนยันว่าเขาเลิกยาอย่างเด็ดขาดแล้ว แต่ผมก็ยังเสียงแข็งไล่เขากลับไปทุกครั้ง วนเวียนผ่านไปอย่างนี้จนสองสัปดาห์ แม่ของเอเข้ามาหาผมอีกบอกว่าลูกของเธอไม่ได้เสพยามาสองอาทิตย์แล้วขอบอกขอบใจผมเป็นการใหญ่ แต่ผมบอกให้เธออยู่นิ่งๆใจเย็นๆดูกันไปอีกสักระยะหนึ่ง 

เอยังคงวนเวียนเข้ามาตื้อ อ้อนวอนให้ผมสอนเปียโนแทบทุกวัน ผ่านไปหนึ่งเดือนเต็มผมดูว่าทุกอย่างน่าจะไปในทิศทางที่ดีแล้วจึงยอมตกลงสอนเปียโนให้เอตามเดิม แต่เขาขอดื่มเหล้าสูบบุหรี่เพราะมันทำให้เขาลืมพวกยาเสพติดร้ายแรงที่เขาเคยเสพได้ ซึ่งผมก็มองว่ามันเป็นเรื่องที่พอรับได้ในสังคมปัจจุบัน

สิ่งที่เห็นได้ชัดคือกายภาพของเอเปลี่ยนไป เขาดูดีขึ้นมากๆ เพราะไม่มียาเสพติดมาบั่นทอน กลายเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดีสมวัย สะอาดสะอ้านขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มีสมาธิเรียนรู้ได้เร็วขึ้นแบบผิดหูผิดตา

มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อครับ เพราะความหลงไหลในการเล่นดนตรีทำให้เอยอมหันหลังให้ยาเสพติดเพื่อแลกกับการได้วิชาจากผม แต่ที่เหลือเชื่อกว่านั้นคือปัจจุบันเอเลิกเหล้าเลิกบุหรี่ ตั้งหน้าตั้งตาสร้างฐานะ ดูแลลูกเมียและครอบครัวเป็นอย่างดี ไม่มีร่องรอยของเอในอดีตหลงเหลืออยู่เลย

อันนี้เป็นเรื่องหนึ่งในชีวิตที่ผมรู้สึกภูมิใจมากๆไม่เคยลืม ที่ได้ทำให้ชีวิตให้คนๆหนึ่งที่กำลังจะหมดอนาคต กลับมาเป็นคนดีมีความสามารถ สร้างประโยชน์ในสังคมได้อีกครั้ง ทำให้เห็นประโยชน์ของดนตรีแบบเต็มๆเลยล่ะครับ

สามีพาภรรยาพิการมาร้องเพลงในคาราโอเกะ

เรื่องที่ผมจะเล่าให้ฟังต่อไปเป็นเรื่องที่ผมได้สัมผัสมาจากการเป็นดีเจเปิดเพลงในร้านคาราโอเกะ อันนี้เป็นความชื่นชมการดูแลเอาใจใส่ของคนที่เป็นคู่ชีวิตกัน แม้จะผ่านวันเวลามาจนวัยเกษียณก็ยังดูแลเอาใจใส่กันเป็นอย่างดี เป็นคู่ทุกข์คู่ยากอย่างแท้จริง

เรื่องมีอยู่ว่า สามีภรรยาคู่หนึ่งจะพากันมาร้องเพลงที่ร้านอยู่เป็นประจำ ภรรยาเป็นอัมพฤกษ์ท่อนล่างจากเอวไปถึงเท้าไม่สามารถเดินได้ สามีจะพาเธอนั่งรถวีลแชร์มา เห็นวนเวียนอยู่อย่างนี้มาสองปีแล้ว ลูกค้าที่สนิทกับผมบอกว่า นอกจากที่นี่เขายังพากันไปร้องเพลงที่อื่นอีกหลายที่  เหตุผลที่พากันมาร้องเพลงก็เพราะความชอบของทั้งคู่ ร้องเพลงทำให้สบายใจ และที่สำคัญออกมาร้องตามคาราโอเกะได้เจอผู้คน ได้พูดได้คุย ได้สนุกสนานเฮฮาทำให้จิตใจเบิกบานมันทำให้สุขภาพดีไม่ทรุดโทรมไปตามวันเวลา ดนตรีเป็นเหมือนยาอายุวัฒนะของสามีภรรยาคู่นี้เลยล่ะครับ  นี่ก็เป็นประโยชน์ของดนตรีอีกแง่มุมหนึ่งที่ผมได้พบได้เจอมาเหมือนกัน

ทำให้คนสูงวัยมีกิจกรรมทำ

หลายปีที่ผมเข้ามาทำงานในวงการร้านคาราโอเกะ สิ่งหนึ่งที่ผมเห็นได้ชัดเจนคือทำให้ผู้สูงวัยมีงานอดิเรกทำนั่นคือ "การร้องรำทำเพลง" ทำให้รู้สึกว่ามีชีวิตชีวาขั้น คนวัยปลดเกษียณส่วนใหญ่จะเป็นวัยที่สบายแล้ว มีเงินมีทอง มีเวลาว่างเยอะ ถ้าไม่มีงานอดิเรกทำ ก็จะรู้สึกเงียบเหงา หดหู่ ถ้าหนักๆก็อาจจะรู้สึกเบื่อหน่ายชีวิตเอาง่ายๆ ยิ่งคนที่คู่ชีวิตล้มหายตายจากไปแล้วก็ยิ่งไปกันใหญ่ เพราะลูกหลานต่างก็มีภาระที่ต้องทำกันทุกคน ลูกไปทำงานหลานไปเรียน วันๆนั่งจับเจ่าไม่มีแม้แต่คนที่จะมาคุยด้วย งานอดิเรกต่างๆของคนสูงวัย เช่น ปลูกต้น ทำอาหาร เย็บปักถักร้อย ของสะสม ออกกำลังกาย ร้องคาราโอเกะ เป็นต้น

การไปร้องเพลงตามคาราโอเกะ นอกจากจะทำให้มีความสนุกสุขใจแล้ว ยังได้เพื่อนใหม่ๆวัยเดียวกัน คุยภาษาของคนวัยเดียวกัน ทำกิจกรรมต่างๆ อยู่ในโลกของคนวัยเดียวกัน ทำให้ผู้สูงวัยหลายคนหลุดออกจาภาวะซึมเศร้า นี่ก็เป็นข้อดีของดนตรีที่ผมเห็นได้มากที่สุดจากชีวิตการทำงาน

คนพิการมาร้องเพลงหาเงิน

ร้านคาราโอเกะที่ผมทำงานจะมีคนแขนพิการ ขาพิการ ตาบอด มาขอขึ้นร้องเพลงแทบทุกวัน พอขึ้นร้องเพลงลูกค้าใจบุญก็จะให้เงินรางวัล ขึ้นร้องสองเพลง ได้เงินเป็นหลักร้อยถึงหลายร้อยบาท แขกคนหนึ่งให้ห้าสิบหกสิบบาท บางคนให้เป็นร้อย พอรวมๆกันก็ได้มากพอสมควร ไปตระเวณร้องหลายๆร้านก็มีเงินมากพอเลี้ยงชีพ เป็นอาชีพได้เหมือนกัน

แง่มุมแย่ๆที่ได้จากงานดนตรี

แม้การเล่นดนตรีจะมีแง่มุมที่ดีอยู่มากมายแต่ก็ใช่ว่าจะไร้แง่มุมแย่ๆ อันนี้เป็นส่วนหนึ่งของความแย่ที่ผมได้ประสบพบเจอมาครับ

การดูถูกเหยียดหยาม

แม้คนส่วนใหญ่จะให้การยอมรับ มองเห็นความสามารถของเรา แต่ก็มีคนส่วนหนึ่งมองว่านักดนตรีเป็นพวกเต้นกินรำกิน ไม่มีความมั่นคงในอาชีพการงาน เหยียดหยามมองเราว่าต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ซึ่งในมุมมองของผมนักดนตรีที่มีความมาเล่นเป็นอาชีพได้ เป็นครูสอนดนตรี ทำเพลงได้ มีความรู้ทักษะทางด้านดนดรีอย่างล้นเหลือ  สร้างผลงานทางดนตรีได้ แม้จะไม่มีใบปริญญาการันตีความรู้ทางดนตรีของพวกเขา แต่คนเหล่านี้ถ้าวัดจากความสามารถก็อยู่ในระดับปริญญาโทหรือด็อกเตอร์เข้าไปแล้วทั้งนั้น

อยู่กับอบายมุข

สถานบันเทิงบางที่เต็มไปด้วยเหล้ายา สิ่งยั่วยุ อบายมุข จนทำให้บางคนตกอยู่ในวังวนเสียผู้เสียคนหมดเนื้อหมดตัว 

ลูกค้าคือพระเจ้า

สถานบันเทิงแทบทุกที่จะมีพวกขี้เบ่งโชว์พาว ไม่ว่าจะเป็นร้านเล็กๆจนถึงโรงแรมระดับห้าดาว เมื่อหัวใจของงานบันเทิงยกให้ลูกค้าเป็นพระเจ้า ไม่ว่าจะยังไงลูกค้าก็ถูกเสมอ ลูกค้าส่วนใหญ่แม้ไม่ใช่พวกโชว์พาวก็จะมีพวกชอบกดหัวพนักงาน พวกนี้มีเยอะมากๆเพราะนโยบายลูกค้าเป็นพระเจ้านี่ล่ะ พนักงาน นักคนตรีมากมายที่ต้องตกงานเพราะลูกค้าประเภทนี้

ความไม่มั่นคงของการทำงาน

งานเล่นดนตรีประจำเป็นงานที่ไม่ค่อยมีความมั่นคงสักเท่าไหร่ ร้านเปิดอยู่สักพักก็เจ๊งปิดกิจการ บางทีเล่นอยู่ดีๆก็โดนวงใหม่มาแย่งงาน ซึ่งบางร้านเจ้าของชอบเปลี่ยนวงใหม่อยู่แล้วเพื่อไม่ให้ลูกค้าเกิดความจำเจ  พอมีวงใหม่มาออดิชั่นก็รับเข้าทำงาน วงที่เล่นอยู่ก็ต้องตกงานไปตามระเบียบ

ความจริงเรื่องแย่ๆที่ได้ประสบพบเจอจากงานดนตรียังมีอีกเยอะเลยครับ แต่ขอเล่าให้อ่านเพียงเท่านี้ก่อน อยากให้ท่านผู้อ่านเห็นแง่มุมดีเพื่อความสบายใจมากกว่า ฝากกกดติดตามเพื่อเป็นกำลังใจในการเขียนงานใหม่ๆออกมาด้วย ขอบคุณและสวัสดีครับ

#นักดนตรี #ประสบการณ์ทางดนตรี

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม