เวลาของชีวิตที่หายไป
เวลาที่หายไป
ทุกวันนี้เราถูกสิ่งรอบตัวดึงให้ออกห่างจากครอบครัวโดยไม่รู้ตัว ผมพูดในมุมของ "คนรักครอบครัว" นะครับอยากใช้ชีวิตตามรอยรุ่นพ่อรุ่นแม่ของเรา ผมมีความสุขและความอบอุ่นกับชีวิตครอบครัวในวัยเด็กมันเป็นสิ่งที่ดีและมีค่า อยากให้ลูกๆได้ซึมซับรับรู้ความรู้สึกดีๆเหล่านั้นเช่นกันแต่มันก็เป็นเรื่องยากเสียแล้ว เพราะโลกยุคใหม่มีอะไรๆมากมายที่สามารถคลืบคลานเข้ามาในชีวิตของแต่ละคน มีอิทธิพลเหนือความคิด ครอบงำได้ทั้งชีวิตและจิตวิญญาณ หากเราจะอยู่ในโลกปัจจุบันก็ต้องยอมรับปรับตัวไปตามสถานการณ์ อย่าเครียดกับสิ่งที่ผมกำลังพูดถึงนะครับ มันเป็นแค่มุมมองที่ผมมองเห็นเท่านั้น ไม่ได้ไปฝืนกระแสโลกที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา เราต้องไหลไปตามกระแสโลกนะครับ แต่ผมแค่เสียดายสิ่งดีๆและมีคุณค่าในวัยเด็กที่เราเคยได้แต่ไม่สามารถสืบสานมาสู่รุ่นลูก
เราเคยได้ยินหลายๆคนบ่นว่าอยากให้หนึ่งวันมี 48 ชั่วโมงใช่ไหมครับ นั่นเป็นความรู้สึกหนึ่งที่ตรงกับเเรื่องนี้ ตั้งแต่ตื่นนอนทุกคนถูกกำหนดไว้หมดแล้วว่าต้องทำอะไรบ้าง เวลาของครอบครัวเป็นสิ่งสุดท้ายที่เราจะพูดถึง ยิ่งมีภาระเพิ่มขึ้นก็ต้องไปลดเวลาที่ให้ครอบครัวลง ครอบครัวของคนยุคใหม่บางครั้งมีเวลาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันแค่เดือนละครั้ง หนักไปกว่านั้นก็ปีละครั้งเดียว เพราะบางครั้งหัวหน้าครอบครัวต้องไปทำงานต่างจังหวัดหรือต่างประเทศจะกลับมาเยี่ยมบ้านแค่ปีละครั้งหรือนานกว่านั้น กว่าจะมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาก็ต้องตั้งตัวให้ได้หรือส่งลูกเรียนจบก่อน เด็กๆถูกฝากให้ ญาติพี่น้อง ปู่ยา ตายายเลี้ยง แค่ส่งเงินมาให้ ช่วงเวลาของความอบอุ่นครอบครัวในวัยเด็กจึงหายไปจนหมด
เมื่อค่าครองชีพเป็นปัจจัยที่สำคัญในการดำรงชีวิตพ่อแม่จึงต้องใช้เวลากับการทำงานหาเงิน ค่าใช้จ่ายในยุคปัจจุบันยิ่งเพิ่มมากขึ้นทุกที มันมีอะไรมากมายที่บังคับให้เราต้องจ่ายเพิ่มขึ้นตลอด อย่างเช่นค่าเรียนของลูกๆซึ่งมันสูงขึ้นอย่างลิบลิ่ว ไหนจะค่าเทอมที่ต้องเสียประจำ ยังต้องมีค่าเรียนพิเศษ ค่าเรียนกวดวิชา ซึ่งรุ่นเราเสียกันแค่ค่าเทอมเท่านั้น ถ้าไม่ทำตามชาวบ้านลูกเราก็สอบแข่งขันสู้เขาไม่ได้ครับ ค่าใช้จ่ายมันไม่เพียงเท่านั้น มันยังต้องมีค่ากิน ค่าเดินทาง ค่าอุปกรณ์การเรียน และอะไรๆอีกจิปาถะ ทำให้พ่อแม่ต้องทำงานพิเศษเพื่อให้พอค่าใช้จ่าย เวลาให้ครอบครัวยิ่งลดลง ส่วนลูกก็ต้องเพิ่มเวลาให้กับการเรียน เวลาให้ครอบครัวก็ต้องลดลงอีกเช่นกัน
"เวลาที่หายไป"
เทคโนโลยีใหม่ๆก็เป็นส่วนหนึ่งที่เข้ามาแบ่งเวลาของครอบครัวไป ความบันเทิงและข้อมูลข่าวสารจากโซเชี่ยลมีมากมายจนล้น ทำให้ทุกคนสนใจอยู่กับสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ จนไม่ได้มองหน้าพูดจากันเลย แม้แต่เวลาที่เราทานข้าว เราเคยชินกับการเล่นโทรศัพท์ไปทานข้าวไปจนเป็นเรื่องปกติ สิ่งเหล่านี้ก็เข้ามาทำให้เวลาที่ให้กับครอบครัวลดลงอีกเช่นกัน
ความจริงยังมีเรื่องที่เข้ามาดึงเวลาของเราไปจากครอบครัว แต่วันนี้ผมขอพูดแค่สั้นตามสิ่งที่เรามองเห็น วันข้างหน้ายังไม่รู้ว่าจะมีอะไรผ่านเข้ามาในชีวิตให้เราต้องแบ่งเวลาให้อีก ผมคงยึดติดกับสิ่งเก่าๆมากเกินไปเพราะเราเป็นคนยุคเก่าก็มองว่าสิ่งเก่าๆเป็นสิ่งที่ดี ลูกๆของเราเขาอาจจะมีความสุขกับสิ่งเหล่านี้และกำลังเก็บความรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ดีไว้ส่งต่อให้กับลูกๆของเขา แต่ถึงวันนั้นทุกสิ่งทุกอย่างมันอาจจะเปลี่ยนแปลงไปเหมือนกับสิ่งที่ผมกำลังเผชิญอยู่ก้เป็นได้ครับ
ขนมเปี๊ยะโฮมเมด
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น